ปัญหาหนังศีรษะนอกจากในด้านรังแคแล้ว ยังมีปัญหาด้านหนังศีรษะแห้ง หรือผมร่วงอีกด้วย ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจเกิดจากพฤติกรรมการทำร้ายผมที่เราไม่รู้ตัว แม้ว่าจะใช้แชมพูแก้รังแคแล้ว บางครั้งก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำถึงวิธีแก้ปัญหาหนังศีรษะ ด้วยแชมพูแก้รังแค ให้เห็นผลแบบชัดเจน ว่ามีอะไรบ้าง
1. ไม่เกาศีรษะแรงจนเกินไป
เมื่อเกิดรังแค หรือหนังศีรษะแห้ง หนึ่งในสิ่งที่ตามมาคืออาการคันศีรษะ เนื่องจากเชื้อรามาลาสซีเซีย ได้ดูดซึมน้ำมันจากรากผมจนส่งผลให้หนังศีรษะแห้ง และคัน ทำให้คนที่เป็นรังแคมักเกาศีรษะบ่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าการเกาศีรษะนั้นส่งผลเสียมากกว่าที่คิด เพราะยิ่งเกาจะส่งผลให้รังแคร่วงหนักขึ้นกว่าเดิม ทำให้สะเก็ดรังแคร่วงอยู่บริเวณหัวไหล่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เสียบุคลิก นอกจากนี้การเกาศีรษะที่แรงจนเกินไปยังส่งผลเสียให้มีอาการผมร่วง รวมถึงการทำให้หนังศีรษะอักเสบอีกด้วย
2. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับเส้นผม
การใช้สารเคมีไม่ว่าจะเป็น การใช้เจล หรือแวกซ์จัดแต่งทรงผม, การดัด หรือทำสีผม เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมเสี่ยง ที่อาจทำให้การรักษารังแคไม่หายขาดแม้จะใช้แชมพูแก้รังแคเป็นประจำก็ตาม เพราะบางคนนั้นอาจมีอาการแพ้สารเคมี หากใช้เคมีเป็นประจำอาจส่งผลให้เกิดอาการผมเสีย ผมร่วง หรืออาจทำให้หนังศีรษะแห้ง ส่งผลให้นอกจากจะไม่สามารถแก้ปัญหารังแคได้แล้ว ยังอาจส่งผลเสียด้านอื่น ๆ ต่อหนังศีรษะอีกด้วย
3. เพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ
วิธีหลัก ๆ ในการแก้ปัญหาหนังศีรษะแห้ง คือการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ ซึ่งมีหลากหลายวิธีให้เลือกทำ ตั้งแต่การเริ่มจากภายใน จนถึงภายนอก สำหรับการสร้างความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะจากภายในเริ่มได้ที่การกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3, โอเมก้า 6 และอาหารที่มีกรดไขมันดี เช่น อาหารทะเล จำพวกปลาทะเล หรือปลาน้ำจืด เป็นต้น นอกจากนี้การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะการดื่มน้ำจะทำหน้าที่ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับทั้งผิว และหนังศีรษะ
ส่วนการเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะจากภายนอก สามารถทำได้ด้วยการเลือกใช้แชมพูแก้รังแคที่เป็นสูตรอ่อนโยน ไม่ใช้สารเคมีเยอะจนเกินไป เช่น การเลือกใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของสมุนไพร ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยดูแลผม เป็นต้น
4. สระผมให้ถูกวิธี
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า วิธีการสระผมเอง ก็มีส่วนในการแก้ปัญหารังแคเช่นกัน เพราะการสระผมนั้น ควรสระให้อยู่ในระดับที่พอดี ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป โดยทั่วไปแล้ว ควรสระผมอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือสระวันเว้นวัน เนื่องจากการสระผมบ่อยๆ จะเป็นการขจัดความมันที่หนังศีรษะสร้างขึ้น หากสระผมทุกวันอาจทำให้หนังศีรษะไม่หลงเหลือความมันธรรมชาติ จนขาดสมดุลของน้ำมัน ส่งผลให้เกิดอาการศีรษะแห้ง และลอกเป็นรังแคแห้งในที่สุด
นอกจากนี้ในขั้นตอนการล้างผม ไม่ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป เพราะน้ำร้อนจะทำปฏิกิริยาเร่งให้ผมแห้งมากยิ่งขึ้น ควรเลือกใช้น้ำที่อยู่ในระดับอุณหภูมิห้อง และควรล้างตั้งแต่โคนผม ไปจนถึงปลายผม เพื่อล้างสารเคมีจากแชมพูออกให้หมด
5. หลังจากสระผมเสร็จ ควรเช็ดผมให้แห้ง
หลังจากที่ทำการสระผมในแต่ละครั้งแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนที่ไม่ควรละเลย คือการเช็ดผมให้แห้งทุกครั้ง เพราะการทำให้ผมแห้ง เป็นการขจัดความชื้นออกจากผม เพราะหากเช็ดผมไม่แห้ง หนังศีรษะที่ชื้นอาจทำให้เชื้อราสามารถเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น จนอาจส่งผลให้เป็นเชื้อราบนหนังศีรษะได้
สำหรับการทำให้ผมแห้งนั้น ควรเช็ดด้วยผ้าขนหนูที่สะอาด และเช็ดด้วยความเบามือ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ไดร์เป่าผม เนื่องจากอุณหภูมิของเครื่องไดร์ที่ค่อนข้างสูง ที่อาจทำให้หนังศีรษะแห้งจนเกินไป หากต้องการเป่าผมให้แห้งควรใช้พัดลมที่อยู่ในอุณหภูมิห้องในการเป่าผมให้แห้ง
สรุป
การใช้แชมพูแก้รังแคอย่างเดียวนั้น อาจไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาหนังศีรษะ และปัญหารังแคได้ ดังนั้นการปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมจากทั้ง 5 วิธีที่แนะนำมานั้นจึงมีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะทำให้แชมพูสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถป้องกันปัญหาหนังศีรษะอื่น ๆ เช่น หนังศีรษะแห้ง, เชื้อราบนหนังศีรษะ และผมร่วงได้อีกด้วย
หากใครที่มองหาแชมพูแก้รังแคที่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด และเห็นผล ขอแนะนำ LAB1 แชมพูที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง ว่าใช้แล้วได้ผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ จาก 85% ของผู้ทดลองใช้พบว่ารังแค และความมันลดลง
สนใจสินค้าจาก VE:LA สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าได้เลยที่ VE:LA Skincare
หรือรับข่าวสารเพิ่มเติม ผ่านช่องทาง Facebook ได้เลยที่ VE:LA Facebook Page