การใช้แชมพูขจัดรังแคนั้น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหารังแคขั้นแรกๆ ที่หลายคนทำ เพราะนอกจากจะเป็นยาที่ทำมาเพื่อแก้ปัญหาโดยตรงแล้ว ยังช่วยลดความยุ่งยากในการรักษาอีกด้วย แต่กระนั้นใช้ว่าการใช้แชมพูขจัดรังแคอย่างเดียวจะเพียงพอ เพราะยังมีวิธีการดูแลเส้นผม และหนังศีรษะอื่นๆ ที่ควรทำควบคู่ไปกับการใช้แชมพู เพื่อให้สามารถแก้ปัญหารังแคได้อย่างเห็นผลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1. ล้างผมให้สะอาด
หนึ่งในวิธีการดูแลผม ที่ทุกคนควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ คือการล้างผมให้สะอาด เพราะการล้างผมที่ไม่สะอาด อาจทำให้สารเคมีของยาสระผม หรือสิ่งสกปรก ยังคงตกค้างในหนังศีรษะ หากสะสมไปนานๆ อาจทำให้หนังศีรษะสกปรก ทำให้เกิดเป็นรังแค หรืออาจทำให้ผมร่วงได้ ซึ่งวิธีการล้างผมให้สะอาดนั้น ให้ทำการล้างหนังศีรษะให้สะอาด ด้วยการไล่ตั้งแต่โคนผม มาจนถึงปลายผม ซึ่งควรล้างอย่างน้อย 2 นาทีขึ้นไป วิธีการล้างแบบนี้จะช่วยขจัดสารเคมีของยาสระผมให้ออกจากศีรษะอย่างสะอาดหมดจด
2. ใช้สมุนไพร
หากพูดถึงวิธีการขจัดรังแคยอดนิยม ที่ได้ผลดีไม่แพ้การใช้แชมพูขจัดรังแค คือการใช้สมุนไพรในการดูแลผม ซึ่งในไทยนั้นก็มีสมุนไพรมากมายหลายชนิด ที่สามารถนำมาใช้เป็นยาบำรุงผม และขจัดรังแค บางสูตรได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ โดยสูตรสมุนไพรขจัดรังแคที่นิยมใช้มีดังนี้
- น้ำมันมะพร้าว เป็นสมุนไพรที่ทำหน้าที่ในการช่วยรักษาอาการแห้งของหนังศีรษะ และช่วยลดอาการหนังศีรษะลอก โดยวิธีใช้สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการหยดน้ำมันมะพร้าวลงบนจุดที่เป็นรังแคเพียง 1 หยด จากนั้นใช้ปลายนิ้วนวดจนน้ำมันซึมเข้าสู่หนังศีรษะ จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด โดยทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทำติดต่อกัน 2-3 สัปดาห์
- ตะไคร้ เป็นสมุนไพรยอดนิยมที่ใช้สกัดเป็นยาสระผม เนื่องจากมีสรรพคุณช่วยลดอาการผมแตกปลาย ลดอาการคันศีรษะ และเป็นอีกตัวช่วยในการขจัดรังแคชั้นยอด โดยวิธีใช้ตะใคร้ในการขจัดรังแค คือ นำตะใคร้สดจำนวน 3 ต้น มาทุบละเอียด แช่น้ำ 1 ลิตร เป็นเวลา 30 นาที จากนั้นนำน้ำตะใคร้ที่ได้นำมาชโลมให้ทั่วศีรษะ หมักทิ้งไว้ 10-15 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาด
- น้ำมะนาว สารที่เป็นกรดในมะนาว มีส่วนช่วยในการทำลายเชื้อรา ที่เป็นสาเหตุในการเกิดรังแค ทำให้มะนาวจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยชั้นดี โดยสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการใช้น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ มานวดบริเวณหนังศีรษะ และทิ้งไว้สักพัก จากนั้นนำน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำเปล่า 1 ถ้วย และนำมาสระผม
3. เลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม
อีกหนึ่งพฤติกรรมทำร้ายผมที่หลายคนอาจทำโดยไม่รู้ตัว คือการเป่าผมให้แห้งด้วยความร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ไดร์เป่าผมหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ซึ่งความร้อนจะทำการเร่งให้หนังศีรษะแห้ง ซึ่งส่งผลให้เกิดเป็นสะเก็ด และก่อให้เกิดเป็นรังแคในที่สุด วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือหลังจากที่อาบน้ำแล้ว ควรปล่อยให้ผมแห้งธรรมชาติ เช่น เป่าด้วยพัดลม หรือใช้ผ้าขนหนูสะอาดเช็ดให้แห้ง หากในกรณีที่ต้องใช้ไดร์เป่าผม ควรปรับที่ความร้อนระดับต่ำ เพียงเท่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดรังแคได้ไม่น้อย นอกจากการหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนทำให้ผมแห้งแล้ว อีกหนึ่งข้อควรระวังคือการใช้น้ำอุ่นในการสระผม เนื่องจากน้ำอุ่นจะทำให้น้ำมันธรรมชาติที่อยู่บนหนังศีรษะถูกชำระล้างออกไป ส่งผลให้หนังศีรษะมีอาการขาดน้ำ ทางที่ดีควรเลือกล้างผมด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิห้องปกติ
4. เลี่ยงการใช้เคมีบนหนังศีรษะ
อีกหนึ่งพฤติกรรมเลี่ยง ที่คนเป็นรังแคควรระวังคือการใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการทำสีผม ดัดผม ยืดผม หรือการใช้แวกซ์ เจลล์ จัดแต่งผมบ่อยๆ เนื่องจากผลิตภัณฑ์แต่งผมเหล่านี้ มีส่วนผสมที่เป็นสารเคมีเป็นจำนวนมาก หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้ผมเสีย และนำมาสู่ปัญหารังแคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่รู้ว่าตนเองมีอาการผมร่วง หรือหนังศีรษะแห้ง มีรังแค ควรหยุดใช้สารเคมีต่างๆ บนเส้นผมโดยทันที
สรุป
จะเห็นได้ว่าการแก้ปัญหารังแคนั้น นอกจากการใช้ แชมพูขจัดรังแค แล้ว ก็ยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถทำด้วยตนเองได้ง่ายๆ ทั้งการใช้สมุนไพร หรือการปรับพฤติกรรมเลี่ยงใช้ความร้อน หรือสารเคมี ซึ่งหากนำไปปรับใช้แล้ว รับรองว่าจะทำให้แชมพูขจัดรังแคนั้น มีประสิทธิภาพ และเห็นผลชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนใครที่กำลังมองหาแชมพูดขจัดรังแค ที่ใช้แล้วเห็นผล ไม่ว่าจะช่วยลดรังแค หรือการช่วยลดแบคทีเรีย หรือเชื้อรา ขอแนะนำแชมพู LAB1 ที่เป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองโดยแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ พร้อมการวิจัยจากผู้ทดลองใช้ที่เห็นผลว่า รังแคลดลงอย่างชัดเจน